
คุณสมบัติของหินเทียมตกแต่งผนัง และ หินธรรมชาติ
ในการตกแต่งบ้านหรืออาคารให้มีความหรูหราสวยงามนั้น การใช้หินมาประดับตกแต่ง ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก โดยสามารถเลือกใช้ได้ทั้งหินธรรมชาติและหินเทียมตกแต่งผนัง มาปูพื้นหรือกรุผนังทั้งภายนอกและภายใน และยังสามารถนำหินธรรมชาติหรือหินเทียมตกแต่งผนัง มาปูเป็นท็อปของเคาน์เตอร์ในส่วนต่าง ๆ ของบ้านแต่อาคารได้อีกด้วย
แต่หินธรรมชาติและหินเทียมตกแต่งผนังก็มีคุณสมบัติและลักษณะที่แตกต่างกันออกไป จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะกับความต้องการ รูปแบบการใช้งาน และสไตล์การออกแบบ
หินเทียมตกแต่งผนังคืออะไร
หินเทียมตกแต่งผนังเป็นวัสดุทดแทนที่นำเศษหินควอร์ตไซต์ หินแกรนิต หรือหินอ่อน มาผสมกับตัวยึดเกาะต่าง ๆ เช่น โพลีเมอร์ เรซิ่น อะคริลิค หรือซีเมนต์ ตามสูตรของการผลิตหินเทียมตกแต่งผนังแต่ละชนิด จากนั้นจะมีการขึ้นรูปหินเทียม เพื่อทำให้มีลักษณะเป็นแผ่นหรือมีรูปทรงตามที่ต้องการ หินเทียมตกแต่งผนังสามารถกำหนดสีและลวดลายบนหิน รวมถึงขนาดและความหนาแน่นได้ตามการออกแบบ จากนั้นจึงเคลือบหรือขัดมัน เพื่อให้เกิดความมันวาว
สัดส่วนของส่วนผสมในการผลิตหินเทียมตกแต่งผนัง
- หินควอร์ตไซต์เทียม
มีเศษหินควอทซ์ในสัดส่วน 90-94% และผสมเรซิ่นหรือโพลิเมอร์ในสัดส่วน 6-10% - หินอ่อนเทียม
มีเศษของหินอ่อน 75-90% ผสมกับเรซิ่นหรือโพลีเมอร์ และสีสังเคราะห์อีก 10-24% เพื่อให้หินอ่อนเทียมมีสีและลวดลายคล้ายหินอ่อนธรรมชาติมากที่สุด
ข้อดีของหินเทียมตกแต่งผนัง
- สั่งตัดได้ขนาดตามที่ต้องการ
- มีความแข็งแรงทนทาน
- ทนต่อรอยขีดข่วน
- ไม่มีรูพรุนแบบหินธรรมชาติ น้ำไม่สามารถซึมผ่านลงไปได้ จึงไม่ก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคและเชื้อรา และช่วยให้ไม่เกิดรอยเปื้อนฝังลึกลงในพื้นผิว
- หากเป็นหินเทียมที่มีส่วนผสมของแร่ควอทซ์ จะทนต่อกรดและด่าง และทนต่อความร้อนได้ 150-200 องศาเซลเซียส
- มีโอกาสเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้น้อย จึงทำให้ยังดูใหม่อยู่เสมอ
- หากเป็นหินอ่อนเทียม จะสามารถทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี ไม่ติดไฟและไม่ลามไฟ
- มีน้ำหนักเบา ทำให้ง่ายต่อการติดตั้ง
- ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งกรุผนังถูกกว่าหินธรรมชาติ เพราะไม่ต้องทำโครงเหล็กเพื่อรองรับน้ำหนัก
- ใช้ติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอก
- หินเทียมตกแต่งผนังบางชนิดสามารถขึ้นรูปชิ้นงานเป็นชิ้นเดียวได้เลย ทำให้ไร้รอยต่อ เหมาะกับการนำมาทำท็อปเคาน์เตอร์
หินเทียมตกแต่งผนังเหมาะกับการนำไปใช้ทำอะไรบ้าง
- ท็อปเคาน์เตอร์ครัว
- ท็อปเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า
- ท็อปโต๊ะอาหาร โต๊ะกลางในห้องนั่งเล่น
- บุเคาน์เตอร์หรือชั้นวางของบิลท์อิน
- บุผนัง
- ปูพื้น
- หุ้มเสาทั้งภายในและภายนอก
- ปูพื้นบันไดและกรุราวบันได
หินธรรมชาติสำหรับใช้ตกแต่งบ้านและอาคาร
หินธรรมชาติเป็นหินที่เกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยาตามธรรมชาติ มีแร่หินประกอบกันอยู่มากมาย ก่อนจะถูกความร้อนและถูกบีบอัดจนเกิดเป็นหินธรรมชาติชนิดต่าง ๆ เป็นหินที่นิยมนำมาใช้ตกแต่งบ้านและอาคารให้มีความสวยงามและดูหรูหรา เพราะเป็นหินที่มีพื้นผิวสัมผัสหลากหลาย ลวดลายไม่ซ้ำใคร
ประเภทของหินธรรมชาติที่ใช้ตกแต่งผนัง
- หินกาบ
เป็นหินที่เกิดจากการทับถมของชั้นดินเป็นเวลานาน จนกลายเป็นชั้นหิน หินกาบเป็นหินที่มีความแข็ง แต่เนื้อหินเปราะและแตกหักง่าย จึงเหมาะจะนำมาใช้กรุผนังทั้งภายนอกและภายในมากกว่านำไปปูพื้น และเป็นหินที่ซับน้ำ จึงมีโอกาสเกิดเชื้อราได้ง่าย ควรทาน้ำยาป้องการเชื้อราหรือน้ำยาเคลือบกันน้ำก่อนนำมาใช้งาน - หินอ่อน
เป็นหินที่เกิดจากแคลเซียมคาร์บอเนตหรือหินปูนที่มีแร่คัลไซต์เป็นองค์ประกอบหลัก และเกิดการทับถมกันจนเป็นชั้น ๆ ก่อนจะถูกความร้อนและแรงดันของแมกมาในภูเขาไฟใต้ทะเล ทำให้ผลึกในชั้นหินผสานกันจนเกิดเป็นสีสันและลวดลายที่สวยงามมีเอกลักษณ์ - หินแกรนิต
เป็นหินอัคนีที่เกิดจากการที่แมกมาของภูเขาไฟค่อย ๆ เย็นตัวลง จนทำให้แร่ธาตุในแมกมา อันได้แก่ แร่ควอร์ต (Quartz) ที่ทำให้หินเป็นสีขาวหรือเทา แร่เฟลด์สปาร์ (Feldspar) ที่ทำให้หินเป็นสีแดงหรือชมพู และแร่สีเข้ม เช่น ฮอร์นเบลนด์ (Hornblend) ที่ทำให้หินเป็นสีดำ จับตัวกันเป็นผลึกขนาดต่าง ๆ และอัดกันอยู่ภายในเนื้อหิน ทำให้เนื้อหินแน่นและไม่เป็นโพรงหรือมีรูพรุน เหมาะกับการใช้ปูพื้นทั้งภายในและภายนอก และใช้ทำท็อปเคาน์เตอร์ครัว เพราะน้ำซึมผ่านไม่ได้ - หินควอทซ์ไซต์
เป็นหินที่แปรสภาพมาจากหินทรายที่ได้รับความร้อนและแรงดันสูง จนแร่ประกอบต่าง ๆ ของหินเชื่อมประสานกันจนสนิทแน่น ทำให้เป็นหินที่มีความแข็งแรงทนทานเป็นอันดับต้น ๆ และมีความทนไฟ จึงเป็นตัวเลือกที่นิยมนำมาใช้ตกแต่งบ้านและอาคารทั้งภายในและภายนอก - หินทราย
เกิดจากหินธรรมชาติที่เกิดการแตกหัก ถูกกัดกร่อน หรือถูกละลายจากปัจจัยทางธรรมชาติ เช่น หิมะ ฝน ธารน้ำแข็ง และถูกพัดพามารวมตัวกันเป็นตะกอน จนเกิดการทับถมกันเป็นชั้น ๆ และเชื่อมประสานกันจากการถูกบีบอัดทางธรณี หินทรายมีพื้นผิวที่หยาบเหมือนทรายและมีรูพรุน ก่อนนำมาใช้งานควรทาน้ำยาป้องกันตะไคร่น้ำและเชื้อรา
นอกจากนี้ยังมีหินธรรมชาติอีกหลายชนิดที่นิยมนำมาใช้ตกแต่งบ้านและอาคาร ทั้งภายในและภายนอก เช่นหินลาวา หินทราโวทีน หินศิลาแดง และหินภูเขา ซึ่งโดยรวมแล้วนั้นหินธรรมชาติจะพื้นผิวสัมผัสที่ขรุขระ และให้ความรู้สึกเย็นสบาย แต่ค่อนข้างดูแลรักษายาก สำหรับหินธรรมชาติบางชนิด จำเป็นต้องทาน้ำยากันน้ำและกันเชื้อราก่อนนำมาใช้งาน
ข้อดีของหินธรรมชาติ
- พื้นผิวของหินธรรมชาติมีความเย็น จึงช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านและอาคารได้ดี
- พื้นผิวของหินให้สัมผัสที่เป็นธรรมชาติ เพราะมีทั้งความขรุขระ เป็นคลื่น เป็นเนื้อทราย หรือมีพื้นผิวที่ไม่เรียบ
- มีลวดลายที่หลากหลายไม่ซ้ำใคร เพราะเป็นลวดลายที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
- หินธรรมชาติสามารถนำมาตกแต่งผนังแบบสามมิติได้อย่างสวยงาท โดยทำให้พื้นผิวของผนังมีความสูงต่ำไม่เท่ากัน ทำให้ผนังดูน่าสนใจมากขึ้น
- เหมาะกับการตกแต่งแนวธรรมชาติ เช่นผู้ที่ต้องการ ปลูกมอสหรือเฟิร์นบนแผ่นหิน เพราะหินธรรมชาติมีรูพรุน สามารถทำให้เกิดตะไคร่น้ำและใช้เป็นที่ปลูกมอสได้
หินธรรมชาติเหมาะกับการนำไปใช้ทำอะไรบ้าง
- บุผนัง
- ปูพื้นภายนอกและภายในบ้าน
- ปูสระว่ายน้ำ
- ตกแต่งม่านน้ำตกจำลอง
- กรุกำแพงและเสา
- กรุผนังภายนอกของบ้านและอาคาร
- ปูพื้นลานจอดรถ
ในการเลือกใช้งานหินธรรมชาติและหินเทียมตกแต่งผนังนั้น ควรเลือกให้เหมาะสมกับสไตล์การออกแบบตกแต่งทั้งภายในและภายนอก ว่าเป็นไปในรูปแบบใด เช่น โมเดิร์น ลอฟท์ ทัสคานีหรือทรอปิคอล จากนั้นจึงพิจารณาถึงงบประมาณในการก่อสร้าง และพิจารณารูปแบบการใช้งานของส่วนที่ต้องการใช้หินมาตกแต่ง ว่าเหมาะกับหินประเภทใดมากที่สุด
และหากคุณกำลังมองหาหินอ่อน หินแกรนิต ท็อปหินแกรนิต หรือหินเทียมตกแต่งผนัง Far East Marble & Granite โรงงานหินอ่อนที่จำหน่ายหินอ่อนนำเข้า, หินแกรนิต, หินเทียม, หินปูพื้น และหินธรรมชาติ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ก็พร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาในเรื่องการใช้หินธรรมชาติและหินเทียมตกแต่งผนังแก่คุณ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดหินอ่อนปูพื้น ราคาหินอ่อน
เพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ฟาร์อีสท์ มาร์เบิล แอนด์ แกรนิต จำกัด
Tel : 02-939-6199
Line : @fareast
Facebook: https://www.messenger.com/t/fareastmarbleandgranite/
Website: https://www.fareastmarble.com/